วันเสาร์ที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

บายศรี


"ขวัญเจ้าเอย ขวัญเอย มาสู่องค์เอย” วลีนี้คัดจากบทประพันธ์ของ ฯพณฯ พลตรีหลวงวิจิตรวาทการ เป็นต้นเนื้อเพลงร้องพิธีทำขวัญ เชิญขวัญ เรียกขวัญ สู่ขวัญ คนไทยเชื่อเรื่องขวัญว่ามีอยู่ในตัวคนทุก ๆ คน ตั้งแต่เกิดจนตาย หมายถึงพลังใจและชีวิตจิตใจ ไม่มีขวัญอาจกล่าวได้ว่าผู้นั้นมีชีวิตอยู่อย่างไม่สมบูรณ์นัก เพราะตามโบราณประเพณีแล้วตั้งแต่เกิดมีการรับขวัญเด็กเมื่อเกิดได้ ๓-๔ วัน ทำขวัญเดือน ทำขวัญตอนโกนจุก เด็กพลัดตกหกล้มก็มีการเรียกขวัญ ทำขวัญตอนบวชนาค เป็นต้น

การเรียกขวัญจึงถือว่าเป็นเรื่องสำคัญเป็นอย่างยิ่ง ขวัญอยู่กับตัวใครก็จะทำให้ผู้นั้นเป็นสุข ถ้าขวัญหายขวัญหนีออกจากตัวก็จะทำให้เกิดความเดือดร้อนขึ้น ท่านคงเคยได้ยินท่านผู้ใหญ่กล่าวว่า พลัดตกหกล้มหรือเกิดความตกใจอย่างมาก โบราณจึงหาวิธีให้ขวัญอยู่กับตัวหลายแบบหลายอย่างต่างกันออกไปตั้งแต่พิธีเล็ก ๆ ในครอบครัว กระทั่งถึงพิธีใหญ่เชิญญาติมิตรมาร่วมทำพิธีเชิญขวัญ มีการเวียนเทียน พิธีนี้ก็ได้แก่พิธีทำขวัญนาค เป็นพิธีที่ใช้หรือพบเห็นมาก เป็นพิธีที่ทำให้ผู้รับขวัญและผู้พบเห็นเกิดสวัสดิมงคลแก่ตัว

ในพิธีทำขวัญนี้สิ่งสำคัญที่ขาดไม่ได้ คือบายศรี บาย แปลว่า ข้าว ศรี แปลว่า มิ่งขวัญ รวมเรียกว่า ข้าวขวัญ ใช้ในพิธีสมโภชน์ สังเวยเทวดา ไหว้ครู บวชนาค รับแขกบ้านแขกเมือง รับขวัญทหาร รับขวัญคนป่วยหรือคนที่จะจากกันไป หรือรับขวัญผู้มาอยู่ใหม่อีกนัยหนึ่งอาจกล่าวได้ว่าบายศรี คือภาชนะใส่อาหารนั่นเอง นับว่าเป็นภาชนะที่สะอาดที่บริสุทธิ์ ด้วยเหตุที่ว่าไม่การใช้ต่อจากกัน พอใช้เสร็จแล้วจะนำไปทิ้งเลยทีเดียว จากหนังสือการศึกษาศิลปะและประเพณีของเสฐียรโกเศศ ได้กล่าวไว้ว่า บายศรีสมมติเป็นขาไกรลาส ไม้ไผ่ ๓๐ อันขนาบข้างเป็นบันไดขึ้น พุ่มดอกไม้ยอดบายศรีสมมติเป็นวิมานพระอิศวร ตัวแมงดา ๓ ตัวก็เหมือนเต่า ๓ ตัว ที่จมอยู่ในก้นมหาสมุทรอันลึก คือ อวิชา ขนมที่อยู่ในบายศรีรับประทานแล้วเกิดรสอร่อย คือ รสแห่งพระรัตนตรัย

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

พูดเพราะๆนะคะ นู๋รอฟังอยู่